วิชชาชุมชนวิทยา COMMUNITOLOGY

หนังสือ วิชชาชุมชนวิทยา

ฉบับดิจิทัล 2568 (696 หน้า)

ดาวน์โหลดไฟล์หนังสือ

ข้าพเจ้ารู้สึกดีที่ได้ทำเรื่องที่พยายามทำมานานแล้วและเพิ่งทำได้เสร็จเป็นรูปเป็นเล่มในวันนี้ คือหนังสือที่ชื่อ วิชชาชุมชนวิทยา การพัฒนาชุมชนมิติวัฒนธรรม และการจัดการมรดกวัฒนธรรมอย่างสร้างสร้างสรรค์ (COMMUNITOLOGY : Cultural Community Development and Creative Management of Cultural Heritage)เป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นในช่วงที่ไม่ได้อยู่ในภาวะกดดันทางตำแหน่งหน้าที่การงาน เพราะเป็นข้าราชการนอกราชการรับบำนาญอย่างเดียว ไม่ได้ทำงานประจำให้สังกัดไหนๆมาได้ ๗ ปี ๗ เดือน ๒๕ วัน แล้ว การสร้างผลงานทางวิชาการไม่ได้ทำเพื่อสนองนโยบายใคร ไม่ได้จะเอาไปขิกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ ไม่ได้ทำเพราะว่ามีใครให้ทุนมาทำ ทุกอย่างเป็นไปเพื่อสิ่งที่เรียกว่า “ประโยชน์สุข : Absolute Happiness” อย่างเดียวเท่านั้น อย่างอื่นก็เป็นเหตุผลรองๆลงไปหรือไม่ใช่เพราะเหตุนั้นๆเลp

ความสำเร็จจากการเขียนและทำหนังสือดิจิทัลเล่มเล็กๆเรื่อง แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง : ปรมปัญญาการพัฒนาชุมชน สังคม วัฒนธรรม (SUFFICIENCY ECONOMY : The Great Wisdom on Development) นำขึ้นเว็บไซต์ http://beyondthepits.com และปัจจุบันปรับย้ายมาอยู่ที่ www.archaeopen.com ให้ผู้สนใจดาวน์โหลดไปอ่านและใช้ประโยชน์ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ มีสถิติการดาวน์โหลดน่าประทับใจมาก นับจนถึงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๘ มีการดาวน์โหลดหนังสือไปแล้ว ๒๔,๘๑๐ ครั้ง ถือว่าประสบความสำเร็จมาก

หนังสือ วิชชาชุมชนวิทยา COMMUNITOLOGY เล่มนี้ เป็นภาคขยายต่อจาก แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง : ปรมปัญญาการพัฒนาชุมชน สังคม วัฒนธรรม (SUFFICIENCY ECONOMY : The Great Wisdom on Development) เนื้อหาจะซ้ำกันในส่วนที่เป็นเรื่องแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง โดยในเล่มใหม่นี้ได้เพิ่มเติมส่วนที่เป็นสาระสำคัญของ วิชชาชุมชนวิทยา การพัฒนาชุมชนมิติวัฒนธรรม และการจัดการมรดกวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ ทั้งที่เป็นแนวคิด ทฤษฎี และตัวอย่างการปฏิบัติจัดการงานพัฒนาที่ข้าพเจ้าดำเนินการเกิดผลดีทางการพัฒนาชุมชนมิติวัฒนธรรมสืบเนื่องมาในช่วงเวลา ๒๕ ปีที่ผ่านมา ได้แก่ กระบวนการโบราฯคดีชุมชน (Community Archaeology Process : archaeopen) และกระบวนการพิพิธภัณฑ์บริบาล (Museum Nourishment Process : museopen)
ชื่อหนังสือ วิชชาชุมชนวิทยา COMMUNITOLOGY ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเป็นคำที่ข้าพเจ้าประดิษฐ์ขึ้นใหม่ใหม่เอี่ยมเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว และในเนื้อหาของหนังสือยังมีคำศัพท์ใหม่ๆแปลกๆที่ผู้อ่านไม่คุ้นชิน ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยมีในตำราฝรั่งหรือในข้อเขียนและคำสอนของนักวิชาการกระแสหลักในประเทศไทย ไม่เคยมีในพจนานุกรมฉบับใดมาก่อน เห็นแล้วอาจจะเข้าใจยากกสักหน่อย แต่ถ้าเข้าใจได้ก็จะดียิ่งนัก ซึ่งจริงๆแล้วข้าพเจ้าก็ตั้งคำศัพท์ทางวิชาการใหม่ๆแปลกๆมาตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่เริ่มเป็นอาจารย์ประจำที่ภาควิชาการพัฒนาชุมชน คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และทุกวันนี้คำที่เป็นตัวตนทางวิชาการ (academic signature) ของข้าพเจ้าก็คือคำว่า โบราณคดีชุมชน : Community Archaeology ที่ผ่านมาคำนี้ วิชานี้ก็ไม่มีสังกัดชัดเจนว่าอยู่สายไหน สาขาวิชาไหน ศาสตร์ไหน ยังวิ่งวนอยู่ตามชายขอบของศาสตร์ใหญ่ทางสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สายสังคมศาสตร์อย่างสังคมวิทยา มานุษยวิทยา เขาก็ไม่ใคร่เต็มใจรับเข้าเป็นพวก โบราณคดียิ่งแล้วกันไปใหญ่ ท่าทางไม่เอาแนวนี้เลย ข้าพเจ้าพยายามบอกว่าเป็นวิชาย่อยในสาขาการพัฒนาชุมชน ในวิชาสังคมวิทยา มากกว่าสาขาโบราณคดี แต่ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเวลาท่านพิจารณาให้รางวัลผลงานวิจัย และรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติท่านก็เอาไปจัดอยู่ในกลุ่มสาขาปรัชญาบ้าง สังคมวิทยาบ้าง แต่ปรากฏการณ์ที่เป็นประจักษ์ก็คือ งานวิจัยกระบวนการโบราณคดีชุมชน ก่อให้เกิดผลดีแก่ทั้งด้านการพัฒนาชุมชน และเกิดผลได้มีความก้าวหน้าทางโบราณคดีไปพร้อมๆกันด้วย และข้าพเจ้าได้รับการยอมรับจากผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาให้รางวัลทั้งสองสาขา

ข้าพเจ้ามีครูในทางวิชาการไม่มาก อ่านหนังสือและตำราฝรั่งน้อยมาก ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ส่วนมากอ่านและฟังธรรมะบรรยายของท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ และเรียนรู้จากการทรงงานพัฒนาที่เรียกว่า “ครองแผ่นดินโดยธรรม” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ แล้วเกิดศรัทธาสมาทานอัญเชิญแนวคิดและวิธีปฏิบัติจัดการงานภาวนาภายใน (พัฒนาจิตวิญญาณ) ของท่านอาจารย์พุทธทาส แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ปฏิบัติจัดการทั้งภายนอกและภายใน(วัตถุ+จิตใจ) มาใช้ในชีวิตวิชาการและชีวิตปกติประจำวัน คิดตามทำตามอย่างเพลิดเพลิน แล้วก็ เพลิน (P-L-E-R-N) เสียจนไม่สนใจที่จะต้องไปเอาแบบอย่างแนวคิดทฤษฎีฝรั่งมังค่าที่นักวิชาการ นักพัฒนาไทยส่วนมากหลงเพ้อละเมอฝันเอามาใช้เรียนใช้สอนใช้เป็นแนวทางปฏิบัติจัดการงานพัฒนากันครึกโครม แต่ด้วยเหตุที่ไม่เจนจัดชัดแจ้งมากพอเพราะยังทั้งโง่และโลภจึงทำให้ทั้งตัวนักวิชาการและผลงานจำนวนไม่น้อยล้มลุกคลุกคลาน ที่ร้ายแรงก็คือเมื่อผู้จบการศึกษานำคำสอนที่เกิดจากความโง่และโลภไปใช้ในการพัฒนาด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยแต่กลับนำพาประชาชนและประเทศชาติเข้ารกเข้าพง ลงหุบลงเหวดำดิ่งจนโงหัวไม่ขึ้นกันอย่างที่เห็นๆกันทุกวันนี้

ข้าพเจ้าเริ่มแสดงความเห็นเรื่อง วิชชาชุมชนวิทยา (Communitology) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๕ ขณะที่เป็นศาสตราจารย์ประจำภาควิชาการพัฒนาชุมชน คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยพิจารณาเห็นว่าวิชาการพัฒนาชุมชน (Community Development : CD) ที่มีการเรียนการสอนกันอยู่ในระดับอุดมศึกษาในประเทศไทยและทั่วโลกยังมีสถานะเป็นเพียง วิธีการ (means) อย่างหนึ่งในงานสังคมสงเคราะห์ หรือไม่ก็เป็นแค่เทคนิควิธีในการทำงานกับกลุ่มฅนในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งของนักพัฒนา นักปกครอง นักสังคมศาสตร์ นักรัฐศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ แพทย์ สถาปนิก นักส่งเสริมการเกษตร นักการเมือง ฯลฯ เท่านั้น แต่จากประสบการณ์การทำงานวิจัยและพัฒนาชุมชนมิติวัฒนธรรม โบราณคดีชุมชน พิพิธภัณฑ์บริบาล การจัดการมรดกวัฒนธรรม การจัดการความรู้ภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรม ที่เป็นกระบวนการพัฒนาฅนให้เป็นผู้นำในการสร้างความเป็นชุมชน ก็พบว่า การพัฒนาชุมชน : Community Development : CD ที่บูรณาการกับการจัดการมรดกวัฒนธรรม : Cultural Heritage Management : CHM มีคุณลักษณะครบถ้วนในการเป็นศาสตร์การปฏิบัติพัฒนาที่มีทั้งแนวคิดทฤษฎี (theory) หลักการ (principle) เป้าหมาย (end) และวิธีปฏิบัติพัฒนา (means) โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีผู้นำทางการพัฒนาจำนวนมากได้สร้างบทเรียนด้านการพัฒนาชุมชนมิติวัฒนธรรม ทั้งการพัฒนาภายนอก (วัตถุ-กายภาพ-ทางโลก-โลกิยะ) และการภาวนาภายใน (คุณภาพ-คุณธรรม-โลกุตระ) เป็นแบบอย่างที่ดีมากมาย สามารถถอดบทเรียนนำมามาสังเคราะห์สร้างสรรค์เป็นศาสตร์ใหม่ที่เรียกว่า “วิชชาชุมชนวิทยา : COMMUNITOLOGY” ได้

ในทางปฏิบัติ ข้าพเจ้าใช้เวลา ๑๐ กว่าปี ในการศึกษา ประมวล วิเคราะห์ สังเคราะห์สร้างสรรค์วิชชาชุมชนวิทยาตามกระบวนทัศน์อริยสัจวิธี หาคำตอบจนครบ ๔ คำถาม คืออะไร? จากอะไร? เพื่ออะไร? และ โดยวิธีใด? นำแนวคิดและประสบการณ์ตัวอย่างไปนำเสนอในการบรรยายในโอกาสต่างๆมากกว่าสิบครั้ง นำส่วนที่ยังบกพร่องไม่ชัดเจนกลับมาแก้ไขปรับปรุง เขียนเอกสารเป็นต้นฉบับหนังสือไว้นับสิบๆร่างยาวบ้างสั้นบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้จัดพิมพ์เผยแพร่อย่างเป็นทางการเพราะส่วนที่เป็นหัวใจของเรื่องคือ สาระสำคัญของคำว่าวิชชาชุมชนวิทยา ยังไม่ชัดเจน การแก้ไขปรับปรุงได้ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก จนมั่นใจในความเป็นไปได้ระดับหนึ่งว่าน่าจะนำวิชชาชุมชนวิทยาไปเปิดสอนในหลักสูตรด้านการพัฒนาชุมชน หรือหลักสูตรที่เกี่ยวข้องในสถาบันอุดมศึกษาได้แล้ว

ใน พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้าพเจ้าได้รับเชิญเป็นผู้ทรงคุณวุฒิวิพากษ์หลักสูตร ศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน (หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๔) ของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ข้าพเจ้าได้ให้คำแนะนำว่า ผมเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องสร้างและพัฒนาวิชา ชุมชนวิทยา (community science) ขึ้นมาใหม่ให้เป็นวิชาหลัก เป็นวิชาบังคับพื้นฐานวิชาแรกๆที่สอนให้ผู้เรียนได้รู้+เข้าใจ+ประทับใจ ในความหมาย(ต่างๆ) มิติ(ต่างๆ) คุณค่า ความสำคัญ คุณลักษณะ รูปแบบ เป้าหมาย วิธีการและกระบวนการของชุมชน คืออะไร (meaning) มาจากอะไร (rationale-why community is the must) เพื่ออะไร (end) โดยวิธีการใด (means) ก่อนที่จะไปเรียนรู้เรื่องเทคนิควิธีการพัฒนา และประสบการณ์อื่นๆ

คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรได้รับคำแนะนำไปพัฒนารายวิชา HCD0103 ชุมชนวิทยา (Community Science) 3(3-0-6) ความรู้ ความเข้าใจ ความประทับใจในความหมาย ความสัมพันธ์แห่งความเป็นชุมชน ที่มา มิติ คุณค่า ความสำคัญ คุณลักษณะ รูปแบบ เป้าหมาย หลักการ เทคนิค วิธีการ และกระบวนการของชุมชน ประสบการณ์และกระบวนการอยู่รอดอย่างสันติสุขด้วยการอยู่ร่วมอย่างสันติภาพ อันเป็นฐานสำคัญในงานพัฒนาชุมชน เป็นวิชาบังคับพื้นฐานทฤษฎีและแนวคิดการพัฒนาชุมชน และได้เปิดสอนรายวิชา HCD0103 ชุมชนวิทยา ในภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๔ ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๕ ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๖ และภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๗ ไปแล้ว
ในปีเดียวกัน (๒๕๖๔) คณะกรรมการจัดทำหลักสูตร ศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) สาขาวิชาการจัดการภูมิวัฒนธรรมและสังคม (หลักสูตรใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๔) ของวิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้พัฒนารายวิชา กสว 122 ชุมชนวิทยา (Community Science) 3(3-0-6) ความรู้ ความเข้าใจ ความหมาย ความสำคัญ ที่มาของความสัมพันธ์แห่งความเป็นชุมชนในมิติวัฒนธรรมและสังคม การก่อเกิด พลวัต คุณลักษณะ ประเภท โครงสร้าง รูปแบบของชุมชนในประวัติศาสตร์มนุษย์ การอยู่รอดอย่างสันติสุขด้วยการอยู่ร่วมกันอย่างสันติภาพ อันเป็นฐานสำคัญในการจัดการภูมิวัฒนธรรมและสังคม เป็นวิชาบังคับพื้นฐานของหลักสูตร โดยได้เปิดสอนรายวิชาดังกล่าวสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ ๑ ในภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๔ ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๕ ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๖ โดยที่ข้าพเจ้ามีส่วนร่วมในการบรรยาย (online) หัวข้อ “วิชชาชุมชนวิทยา : ศาสตร์เพื่อการจัดการภูมิสังคมและวัฒนธรรมสู่สังคมพอเพียง เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๐๐-๑๒.๐๐ น. ต่อมาในภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๕ ข้าพเจ้ามีส่วนร่วมในการบรรยายที่วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มศว.องครักษ์ จังหวัดนครนายก หัวข้อ วิชชาชุมชนวิทยา : ศาสตร์เพื่อการจัดการภูมิสังคมและวัฒนธรรมสู่สังคมพอเพียง เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๐-๑๕.๐๐ น. และในภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๖ ข้าพเจ้าบรรยาย (online) หัวข้อ “วิชชาชุมชนวิทยา : ศาสตร์เพื่อการจัดการภูมิสังคมและวัฒนธรรมสู่สังคมพอเพียง” เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐-๑๕.๐๐ น. ซึ่งมีการบันทึกการสอนผ่านระบบออนไลน์และนำไปเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ YOUTUBE และ FACEBOOK

เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ ข้าพเจ้าแสดงปาฐกถาพิเศษหัวข้อ วิชชาชุมชนวิทยา COMMUNITOLOGY สรรพศาสตร์บูรณาการในศตวรรษที่ ๒๑ ในการประชุมเครือข่ายพัฒนาชุมชน ท้องถิ่นและสังคมระดับชาติ (CSD สัมพันธ์) ครั้งที่ ๒๓ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้พูดเรื่องวิชชาชุมชนวิทยาอย่างเป็นทางการให้นักพัฒนา อาจารย์ นักวิชาการและนักศึกษาในสายพัฒนาชุมชน พัฒนาท้องถิ่น พัฒนาสังคม การจัดการทางวัฒนธรรม ได้รับรู้และทำความเข้าใจ

เมื่อต้นเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ประธานหลักสูตรพัฒนาชุมชนดุษฎีบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชิญข้าพเจ้าให้บรรยายหัวข้อ การพัฒนาแนววัฒนธรรมชุมชน ในวิชาสัมมนาประเด็นทางการพัฒนาชุมชนร่วมสมัยในวันอาทิตย์ที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๓๐-๑๖.๓๐ น.แต่ข้าพเจ้าขอเปลี่ยนไปบรรยายหัวข้อ วิชชาชุมชนวิทยา COMMUNITOLOGY แทน เพราะเป็นเรื่องการพัฒนาชุมชนมิติวัฒนธรรม ที่มีทั้ง วิธีคิดและวิธีปฏิบัติ ที่ข้าพเจ้าสร้างแนวคิดและพิสูจน์ด้วยการวิจัยปฏิบัติการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมจนเกิดผลที่ยั่งยืนยาวนานมาแล้วถึง ๒๕ ปี และยังก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่สิ้นสุด
เนื่องจากวิชชาชุมชนวิทยายังไม่มีเอกสารให้อ่านและอ้างอิงอย่างเป็นทางการข้าพเจ้าจึงถือโอกาสนี้ทำเอกสารประกอบการบรรยายเป็นหนังสือวิชาการเล่มนี้มีเนื้อหารวมประมาณ ๗๐๐ หน้า ในรูปแบบหนังสือดิจิทัลหรือ E-Book สำหรับแจกให้นักศึกษาปริญญาเอกหลักสูตรพัฒนาชุมชนรุ่นแรกได้เอาไปอ่าน ทำความเข้าใจ อ้างอิง ใช้ประโยชน์กันให้สมกับเป็น “วิชชาใหม่” ที่เขียนขึ้นจากประสบการณ์การทำงานวิชาการด้านพัฒนาชุมชนที่คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นวิชชาที่เกิดขึ้นประเทศไทย มีแต่ในในประเทศไทยเท่านั้น ประเทศอื่นยังไม่มีวิชชานี้ แต่ก็เชื่อว่าประเทศอื่นๆจะมีตามมาในไม่ช้า เหมือนกับกรณี โบราณคดีชุมชน Community Archaeology ที่มีอยู่มากมายกลายเป็นวิชาการกระแสสำคัญที่มีทั่วโลก

ข้าพเจ้าอยากเห็น วิชชาชุมชนวิทยา Communitology ยกระดับขึ้นเป็นศาสตร์ที่มีทั้งทฤษฎีและวิธีปฏิบัติของตัวเอง ยกระดับขึ้นเป็นร่มใหญ่ของสาขาวิชาการพัฒนาชุมชน การพัฒนาท้องถิ่น การพัฒนาสังคม มีชื่ออยู่ในระบบสาขาวิชาการของประเทศ มีหลักสูตรชุมชนวิทยา Communitology เหมือนกับรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ สังคมวิทยา มานุษยวิทยา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนักวิชาการพัฒนาชุมชนไทยจะยอมรับเอาไปต่อยอดขยายผลให้ครอบคลุมการพัฒนาชุมชนมิติอื่น อย่างเช่น ชุมชนวิทยาการเมือง ชุมชนวิทยาเศรษฐพาณิชย์ ชุมชนวิทยาการศึกษา ชุมชนวิทยาทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชุมชนวิทยาอุตสาหกรรม ชุมชนวิทยาการท่องเที่ยว ชุมชนวิทยาชาติพันธุ์ ฯลฯ ได้มากน้อยแค่ไหนเพียงใด

ขอให้ผู้อ่านหนังสือเล่มนี้ได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ประโยขน์สุข ร่วมกันสืบสานพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประย์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ และตั้งจิตภาวนา พัฒนา ตน ชุมชน สังคม วัฒนธรรม ท้องถิ่น ชาติพันธุ์ ให้บรรลุทั้งประโยชน์สุขและนิพพานสุข อันเป็นสภาวะสงบเย็นเป็นประโยชน์ ตามแนวธรรมของในหลวงรัชกาลทื่ ๙ และท่านพุทธทาสภิกขุ ผู้เป็นครูของครูชุมชนวิทยา อย่างสม่ำเสมอโดยพร้อมเพรียงกัน

วิชชาชุมชนวิทยา COMMUNITOLOGY
This website uses cookies to improve your experience. By using this website you agree to our Data Protection Policy.
Read more